วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2551

ทัวร์ญี่ปุ่น ทริปแรก

ญี่ปุ่นกับการไปเยือนครั้งแรก
วันเดินทาง 23/8/08 - 29/8/08 กับคณะดูงานของหน่วยงานราชการ โดย บ.Worldwide Destinations Tour
บริษัทนัดลูกค้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนห้าทุ่ม เราก้อไปถึงก่อนเวลาประมาณสื่ทุ่ม ตามหน้าที่
ไปถึงพี่ที่บริษัทมารอส่งคณะแล้ว ผู้เดินทาง 15 ท่าน กำลังพอดี ไม่วุ่นเท่าไหร่ คนส่งทัวร์เป็นงานดี
ช่วยได้เยอะ ประมาณห้าทุ่มเช็คอินเรียบร้อยพร้อมเอกสาร พอดีมี บิสเนสคลาส 5 คน เลยเจมกับเขา
เข้าตรวจหนังสือเดินทาง ตรงเช็คอิน B เร็วดีไม่ต้องต่อคิวตรวจพลาสปอร์ตนาน ๆ เดินทางด้วยสายการบิน
ไทย เรามีบัตรทอง เลยพาลูกค้าท่านหนึ่งเข้าไปนั่งพักในห้องรับรองของการบินไทยได้ แต่เราไม่ได้นั่งด้วย
หรอก ขอเป็นส่วนตัวนิดหนึ่ง จะไปนั่งคิงส์เพาเวอร์แทน เงียบดีแล้วมีห้องสูบบุหรี่ด้วย (ไม่ดีเนอะ)
เครื่องออกเกือบตีหนึ่ง กำลังง่วงเลย ขึ้นไปก้อยังไม่หลับ อ่านหนังสือจิบไวน์นิดหน่อย กว่าจะหลับก้อเกือบ
ตีสี่แล้ว ได้สักชั่วโมงแอร์ปลุกทานอาหารเช้า ไม่อยากเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่กินเดี๋ยวจะไม่มีแรงทำงาน ง่วงก้อง่วง เอาวะ ใช้เวลาบิน ห้าชั่วโมง ไปถึงฟุคะโอกะ เวลา 08.00 น. (ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทยเรา 2 ชั่วโมง)
ตรวจคนเข้าเมืองก้อไม่ยากอะไร เจ้าหน้าที่ ตม. มีสักถามนิดหน่อย ลูกค้าผ่านไปได้ด้วยดี ของเรา
เค้าถามว่ามาทำอะไร ก้อบอกไปว่าเป็น หัวหน้าทัวร์ แล้วเจ้าหน้าที่ดูในใบเข้าเมือง แล้วบอกว่างั้นช่อง
ที่ให้เลือกว่ามาทำอะไร อาทิเช่น ท่องเที่ยว ธุรกิจ ทำงาน อะไรประมาณนี้ ต้องเลือกช่องธุรกิจ เราก้อเถียง
ว่าที่ญี่ปุ่นมีไกด์อยู่แล้ว จะมาทำธุรกิจได้ยังไง ใครจะมาจ่ายตังค์เรา แต่ดูท่าว่า ถ้าพูดเยอะไปไม่ดีแน่ เลยหยวน ๆ เอ้ามาแบบธุรกิจก้อธุรกิจ อธิบายมากดูจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษมากสักเท่าไหร่ หลังจากรับกระเป๋า
เรียบร้อย ไม่มีใบใหนแตกหักเสียหาย คณะพร้อมแล้วออกมาด้านนอก ไกด์ที่พาทัวร์รออยู่ก่อนแล้ว ชื่อคุณจรัญ เป็นคนไทยได้สัญชาติแล้ว แต่เค้าก้อมีชื่อญี่ปุ่นนะ ได้รถบัส คันโต 50 ที่นั่ง แหม แตะตะก้อได้เลยนะเนี่ย ขึ้นรถไปจับไมด์กล่าวต้อนรับพร้อมกับแนะนำตัวเอง แนะนำไกด์ แล้วไกด์พูก้อพูดไปโลด (สบายเราแล้ว)
ใช้เวลา ราว ๆ 45 นาที ถึงสถานที่เที่ยวแห่งแรกของรายการทัวร์ ศาลเจ้าดาไซฟุ นอกเมืองฟุกุโอกะ ที่จอดรถบัส มีร้านค้าขายของที่ระลึกอยู่ เห็นไกด์บอกว่าไอสครีมอร่อย แต่ไม่ได้ลอง มีห้องน้ำสะอาดเรียบร้อย ในญี่ปุ่นห้องน้ำฟรีทุกที่ จากนั้นก้อเดินตรงเข้าวัด จากจุดจอดรถ สักประมาณ 300 เมตร สองข้าง
มีร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนมโมจิญี่ปุ่นแท้ ทำร้อน ๆ น่าอร่อย ศาลเจ้าแบบนิกายเซ็น วัดในนิกายนี้
ไม่สลับซับซ้อนเท่าไหร่ เน้นเรียบง่าย ถึงเขตวัด ซ้ายมือจะเห็นศาลาทำจากไม้ แบบโล่ง ๆ ไว้เวลามีพิธีจะวางเครื่องเซ่น หรือ กระดาษที่เขียบคำอธิฐานไว้ สมัยก่อนก้อจะเอาไปเผาเลย แต่วันนี้ที่เห็นเป็นที่นั่งพัก
ของผู้คน มีละครลิงเร่ คนญี่ปุ่นนะ กับลิง 1 ตัว (ไม่ใช่ปังคุงนะ) คนดูเต็มเลย แอบแวบไปดูหน่อยหนึ่ง แต่ไม่
รู้เรื่อง ก้อภาษาญี่ปุ่นนิ ไปต่อกันดีกว่า ก่อนถึงศาลเจ้าหลัก ขวามือจะมีบ่อน้ำ แบบก่อขึ้นมา ไว้ให้ผู้ที่จะเข้าวัด ได้ล้างมือและล้างปาก ก่อน นัยว่าทำตัวให้บริสุทธิ์ จะมีแบบนี้ทุกวัด น้ำเขาสะอาดใส เข้าไปในศาล
วิธีการไห้วพระ ที่นี่ไม่เห็นมีใครจุดธูปกันเลย ตามอย่างกันไปแล้วกัน เริ่มจาก โค้งคำนับ 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง พนมมือไหว้ขอพรกันไป อยากได้อะไรขอไป ทำบุญ 1 เยน ขอให้ถูกหวยเป็นล้าน ก้อว่ากันไป จบด้วย
โค้งคำนับอีก 1 เป็นอันเรียบร้อย คนญี่ปุ่น นิยมซื้อป้ายอวยพร ทำจากไม้ แล้วนำไปแขวนไว้ตามราวที่วัดจัด
ไว้ให้ หรือเซียมซีเป็นกระดาษ อ่านแล้วจะดีไม่ดี เค้าจะเอาไปผูก ในที่ ๆ วัดจัดไว้ให้เช่นกัน เสร็จแล้วเดินไป
หลังวัดจะมีต้นพลัม น่าจะเป็นบ๊วยเนอะ ราว ๆ 6000 ต้น มีห้องน้ำด้านหลังวัดด้วย จากนั้นนัดลูกค้าเจอ
ที่รถ ให้เวลาช้อปกันสักหน่อย ส่วนเราไปซื้อโมจิอบใหม่จากเตาร้อน ๆ ราคา ลูกละ 100 เยน ซื้อแจกคณะพอดี ๆ กลัวจะหิวกัน แต่ลืมเผื่อตัวเอง เกือบ 11 โมง เดินทางไปเมืองสปาน้ำแร่ เบปปุ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะคิวชู ใช้เวลา
เดินทางบนทางด่วน เกือบ ๆ 2 ชั่วโมง รถทัวร์วิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 100 ต่อชั่วโมง ก่อนถึงเมืองเบปปุ เริ่มได้กลิ่นกำมะถัน คุณจรัญก้อถามคำถามข้อหนึ่ง ให้คณะทายกัน คือช่วงที่ยังอยู่บนทางด่วน จะมีตะแกรงเหล็กครอปถนนในช่วงนั้น ยาวสัก 500 เมตรกระมัง (คำตอบ ตรงนั้นเป็นสนามกอล์ฟ) ถึงร้านอาหารก้อราวเที่ยงครึ่งกว่า ๆ
มื้อนี้แบบบาบีคิว ปิ้งย่าง เป็นบุปเพ่ต์ มีเนื้อหมู วัว ไก่ ปลาหมึก ลูกชิ้น ซุป ข้าวปั้น ของหวาน ไอสครีม อร่อย อิ่มแล้วให้เดินช้อปในห้างใกล้ ๆ ร้านอาหาร จากนั้นเดินทางไปบ่อน้ำแร่จิโคกุ 20 นาที ลงจากรถ
เดินตรงไปอย่างเดียว มีร้านขายของใหญ่ ผ่าทะลุไปโลด จะเจอบ่อน้ำแร่เดือด สีฟ้า ๆ น่าว่าย (อาจสุกได้ผู้ปกครองควรพิจารณา) ขวามือจะเห็นเสาโทริอิ สีแดง หมายความว่ามีศาลเจ้าอยู่นะสิ แต่เล็กมาก ไหว้เพื่อให้กิจการค้าเจริญก้าวหน้า เหมาะกับเจ้าของกิจการ การไหว้เหมือนกัน มีบ่อน้ำล้างมือ บ้วนปากเช่นกัน แล้วย้อมกลับทางเดิม ผ่านร้านขายของใหญ่ออกมาเลี้ยวขวาขึ้นเนินไปนิด จะเจอบ่อน้ำแร่สีแดง เลี้ยวซ้าย ไปสัก 20 เมตร มีมีทางเข้าไปศาลาแช่เท้า มีคนแช่อยู่ก่อนแล้ว ฟรีครับ แต่ผ้าเช็ดเท้าต้องหยอดตู้เอา 200 เยน กลับออกมาทางเดิม ขึ้นรถกลับโรงแรม พักที่ Beppuwan Royay Hotel โรงแรมใหญ่ดี ติดทะเล
แต่เล่นน้ำไม่ได้ มีบ่อน้ำแร่ให้แช่อยู่ชั้นใต้ดิน แยกชายหญิง แต่ต้องเปลือยหมดนะ ห้ามนุ่งอะไรเลย คิดซะว่าถือคติแบบเสียส่วนน้อย ได้ดูส่วนใหญ่ สบายใจ สภาพห้องก้อใหญ่ใช้ได้ ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย โรงแรมในญี่ปุ่น จะไม่มีน้ำฟรีให้ในห้อง น้ำก๊อกสะอาดดื่มได้ 100 % มีกาน้ำร้อนให้ พร้อมชาเขียว ถ้าอยากได้เครื่องดื่มอย่างอื่น ไปหยอดเอาในตู้ ชั้นใต้ดิน ตรงที่อาบน้ำแร่ ราคาประมาณ 130 เยน ชาเขียวแบบขวดเหมือนพวกโออิชิบ้านเรา แต่ไม่ใส่น้ำตาลญี่ปุ่นไม่ชอบ.... อาหารเย็นทานในโรงแรมแบบเป็นเซ็ท คณะดูไม่ชอบเท่าไหร่ อาจเป็นว่าเราคนไทย ติดกับภาพว่ากับข้าวต้องวางเต็มโต๊ ดูดี ซึ่งวัฒนธรรมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ( When in Rome do as the roman do) ทานเสร็จ ท่าน ๆ ทั้งหลายก้อนั่งดื่มเบียร์ตรงล๊อปบี้ ชั้นนั้น
มีซุปเปอร์ขายของอยู่ ส่วนข้าพเจ้าเพลียเหลือเกิน ซึ่งถ้าเป็นไฟล์ดึก บินสั้นแบบนี้ ง่วงไปยันวันกลับเลย
หลับได้แต่ไม่ลึกเท่าไหร่

25/8/08 เบปุ - คิตะคิวชู - ฟุคุโอกะ
ตื่นมาตอนตีห้าครึ่ง ต้มน้ำจิบกาแฟ ดูวิวทะเลสวย ๆ จากหน้าต่าง ( อันนี้สร้างภาพมาทำงานคงไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ขนาดนั้น ) อาจหนังสือเพิ่มเติมนิดหน่อย ห้องอาหารเปิด 7 โมง ลงมาก่อนเวลาหน่อย
ทักทายคณะยกมือไหว้สวัสดี อาหารเช้าใช้ได้ไม่ถึงกับดี แบบฝรั่งปนญี่ปุ่น ใช้เวลาทานอาหารเช้าไม่เกิน 10 นาที เพราะต้องรีบไปเก็บรวบรวมกระเป๋าเดินทาง ที่วางกันไว้หน้าห้อง ออกกำลังกายแต่เช้า ได้เหนื่อยเหมือนกัน (ทำไมญี่ปุ่นถึงไม่ใช้พนักงานยกกระเป๋ากัน เหมือนเกาหลีเลย) บ่นหน่อยนะ เป็นบริการอย่างนึง คณะพร้อมเดินทางกันตอน 8 โมง คณะนี้ค่อนข้างตรงเวลามาก ๆ ขอชม
ขึ้นรถก้อเตือนตามปกติ พลาสปอตร์โต้ สร้อยคอสร้อยพระ แหวน นาฟิกา ที่ชาร์ท ตุ้มหู ว่ากันไป ใช้เวลาเดินทางราว 1.45 นาที ไปถึงเมืองคิตะคิวชู ทางเหนือของเกาะ นัดที่ดูงานไว้ตอน 10 โมง ไปถึง มีเวลานิดหน่อย เข้าห้องน้ำกัน เจ้าหน้าที่มารออยู่แล้ว คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเวลามาก เจ้าหน้าที่
พาเดินชมในสถานีรถไฟ รถไฟโมโนเรล โครงการคอมเพล็ก ต่าง ๆ เกี่ยวกันการขนส่ง แหมแต่เจ้าหน้าที่เดิน
เร็วมาก ๆ คงเป็นปกติของเค้าแหละ แต่ของเราสิไม่ปกติ ค่อย ๆ เดิน กลัวเสียเหงื่อหรือเปล่า ช่วงนี้อากาศร้อนด้วยสิ ดูเสร็จประมาณเที่ยง
มื้อเที่ยงทางไกด์ไม่ได้จอง เพราะโปรแกรมไม่นิ่งเท่าไหร่ ทางคณะไปเจอร้านอาหารจีนมีติ่มซัม
ด้วย เลยฝากท้องไว้กับที่นี่เป็นแบบ บุฟเฟ่ ราคาราว ๆ 1500 เยน ต่อท่าน แต่แหมผู้ใหญ่กับไม่ชอบแฮะ
หลังจากนั้นนั่งรถอีก 1 ชั่วโมง ไปเมืองฟุกุโอกะ ดูงานที่สถานีฮากาตะ ดูเสร็จไปชมวิวเมืองฟุค ที่ฟุคุโอกะทาวเวอร์ ตัวตึกเป็นโครงเหล็ก แล้วเอากระจกหุ้มอีกที ทำให้ดูสวยอีกแบบ ขึ้นไปในลิตฟ์มีเจ้าหน้าที่สาวน่ารัก ต้อนรับ ยิ้มแย้มดี วิวข้างบน ไม่มีอะไรพิเศษ ด้านหนึ่งทะเล อีกด้านเมือง หรือเราจะเห็นสวย ๆ มาเยอะก้อไม่รู้ แล้วพาคณะไปช้อปที่ห้างคะแนลซิตี้ เป็นมอลล์ใหญ่เหมือนกัน มี Muji แล้วอื่น ๆ เราไม่
ค่อยได้เดินหรอกมัวแต่หาร้านอาหารเย็นกับพี่จรัญ (เรียกพื่ เริ่มสนิทแล้ว) โจทย์คณะนี้ไม่ทานร้านอาหารที่ทัวร์ปกติลงกัน สรุปได้เป็นอาหารญี่ปุ่น สั่งเป็นชุดเหมือนกัน คณะรู้สึกดีได้เลือกเมนูด้วยตัวเอง แต่ก็คืออาหารเซ็ทแหละ แบบคนล่ะชุดนะ ส่วนของเราไกด์ก้อสั่งมาหลายอย่างเหมือนกัน ช่วงที่เรานั่งรอกับข้าวเต็มโต๊ะเลย พี่จรัญยังไม่มา ไอ้โต๊ะข้าง ๆ เราน่าจะเป็นเกาหลี เค้าก้อมองแบบยิ้ม ๆ แล้วก้อหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายอาหารโต๊ะเรา (ไม่รู้ว่าน่ากิน หรือ มันจะกินหมดไหนเนี่ย) สรุปสุดท้ายหมดครับพี่น้อง ก้อหิวมากนี่นาหลังอาหารก่อนขึ้นรถ แวะซื้อน้ำมาแจกให้ทุกคนไปดื่มกันในห้องพัก ในญี่ปุ่นร้านสะดวกซื้อมีเยอะมาก เจอได้ตลอด เช่น Lawson , 7 , Ampm , Family mark (สะกดถูกใหม) เปิด 24 ชั่วโมง
วันนี้พักที่ Hyatt Regency Fukuoka Hotel โรงแรมดี แต่ห้องไม่ใหญ่เท่าไหร่ อาจเพราะอยู่กลางเมือง
คืนนี้คณะบางท่านอยากไปท่องราตรีกัน แบบประมาณว่าอยากถึงญี่ปุ่น เลยต้องล็อคตัวพี่จรัญไว้ คอยเจรจา
ไปย่าน Nakasu กลางเมือง ดูจากแผนที่เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางแม่น้ำ นั่งแท็กซี่ ไป เดินถามอยู่หลายร้าน ส่วนใหญ่ไม่รับคนต่างชาติ จนมาได้ร้านหนึ่ง เค้ารับคนต่างชาติ เข้าไปข้างในพาไปนั่งในห้องแล้วก้อคุยกัน ไม่มีการดูตัว หรืออาจมีรูปให้ดู ซึ่งก้อไม่เหมือนตัวจริงหรอก มี 2 ท่านในคณะโอ เค ลองดู งานนี้เจ้าภาพจ่ายไปคนละ สองหมื่นเยน มีเวลาให้ 1.30 ชม. คนอื่น ๆ ไปเดินเล่นรอบ ๆ รอลุ้นกันว่าลงมาแล้วถ้าดี ก้อจะด้วย ครบชั่วโมงมารับ ผลสรุปว่า หุ่นเหมือนซูโม่ อายุเยอะ เห็นแล้วไม่สู้อีกต่างหาก จะออกมาก่อนก้อไม่ยอม ยังไม่ครบชั่วโมง (เฮ้อ นรก หรือ สวรรค์เนี่ย ) เลยกลับโรงแรม กว่าจะได้นอน ตี 1

26/8/08 นาโกย่า - คาวากูจิโกะ
ตื่นมาแบบยังง่วง ๆ อยู่เลย ลงมาดูคณะ เก็บกระเป๋าตามห้อง 8 โมง ออกเดินทางไปสนามบิน
ฟุกุโอกะ ใชเวลาแค่ 20 นาทีถึงสนามบิน พี่จรัญ ไปเช็คอินตั๋ว แจกบอร์ดดิ่งพลาส แล้วให้คณะโหลดกระเป๋าด้วยตัวเอง บินในประเทศบอร์ดดิ่ง ไม่มีชื่อมีแต่ที่นั่ง น้ำเอาขึ้นเครื่องได้ บินด้วยออลนิปปอน แอร์เวย์
ในสนามบินมีร้านค้านิดหน่อยไม่เยอะ ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง ถึงเมืองนาโกยา ไปถึง นั่งรถ 45 นาที เพื่อไป
ถ่ายรูปปราสาทนาโกย่า จากด้านนอก ไม่งามเลย ต้นไม้บังปราสาทไป 3 ชั้นแล้วเห็นแต่ยอด ๆ เสียดาย ไม่ได้เข้าไปข้างใน จากนั้นไปทานอาหารกลางวัน แบบบาร์บีคิว เป็นบุปเพ่ต์ เห็นทานกันอร่อยดี มื้อนี้ ทำแจ่ว ให้ได้จิ้มกัน (สูตร น้ำปลา ข้าวคั่ว มะนาว พริกป่น ) ช่วงบ่ายเดินทางไกล จากนาโกย่า ไปถึงคาวากูจิโกะ 260 กม. วิ่งไปได้ ชม.ครึ่งจอดพักระหว่าง ซึ่งอยู่บนจุดพักรถบนทางด่วน เห็นทะเลสาบฮามานะ ที่มีการ
เพาะเลี้ยงปลาไหลมากที่สุด จะมีขนม พาย ก้างปลาไหลทอด ล้วนเกี่ยวกับปลาไหลทั้งนั้น นั้งรถอีกเกือบ 2 ชั่วโมง จึงถึงทะเลสาบคาวากูชิโกะ จอดแวะที่ซุปเปอร์ใหญ่ให้ได้ซื้อของกัน เห็นไกด์ว่าฝั่งตรงข้ามขายของใช้แล้ว เสียดายไม่มีโอกาสข้ามไปดู เค้าว่ากันว่าคนญี่ปุ่นถ้าของใหนไม่ใช้แล้วก้อทิ้งหรือขาย เพราะบ้านมีเนื้อที่ไม่มากพอที่จะเก็บของทุกสิ่งอย่าง ส่วนเราซื้อข้าวห่อสาหร่าย ไปเสริมมื้อค่ำที่โรงแรม กับน้ำดื่มที่ต้องแจกเป็นประจำทุกวัน พักที่ Kawaguchiko Koryu Hotel
ถึงโรงแรมคณะต่างช่วยกันนำกระเป๋าของตนเองขึ้นห้อง ขอบคุณครับ ทานอาหารค่ำในโรงแรม
แบบนั่งพื้น ได้บรรยากาศอีกแบบ ลูกค้าใส่ชุดยูคาตะ มาทุกคน มีเราคนเดียวยังชุดเดิมอยู่เลย มีคนถามเหมือนกัน เราบอกเข้าห้องได้ วางกระเป๋าแล้วลงมาเลย ไม่ทันได้ทำอะไร มีวันเกินในคณะด้วย ให้โรงแรมเตรียมเค้กแล้วละ เห็นขนาดน่าจะสัก 2 ปอนด์ จ่ายไป 4200 เยน ส่วนเราชงสุราให้ท่าน ๆ ว่าไป
เรื่องนี้ถนัดอยู่แล้ว ทานไปถึง 3 ทุ่มครึ่งกว่า ๆ จึงย้ายมานั้งดื่มต่อที่ล็อปบี้ คราวนี้ให้ชงกันเองง่ายกว่า บางท่านก้อไปแช่น้ำแร่กัน โรงแรมไม่ใหญ่มาก มีเครื่องเกมหยอดเหรียญ มีอินเตอร์เนส เล่นฟรี แต่มีแค่เครื่องเดียว มีบ่อน้ำแร่ ที่นอนปูกับพื้น เรียกว่า เรียวกัง แบบญี่ปุ่น หน้าโรงแรมติดทะเลสาปมีถนนคั้น ไปเดินสำรวจมาครึ่งรอบ ลักษณะโรงแรมพอ ๆ กัน บางที่อาจจะใหญ่หน่อย ตอนดึกไม่มีคนเลย ไม่มีร้านค้า บรรยากาศเงียบกริป เหมาะกับการพักผ่อนจริง ๆ เพราะไปใหนไม่ได้ วันนี้ได้นอนตอน 5 ทุ่มกว่า ๆ
27/8/08 ฟูจิ - โตเกียว
ตื่นเช้ามาด้วยความง่วง (เป็นประจำทุกวัน สะสมมาบนเครื่องแต่วันเดินทางแล้ว) อาหารเช้าทำ
เป็นชุด มีไข่ดาว ข้าว ผักดอง ซุป ดีนะที่เตรียมมาม่ามาหน่อยหนึ่ง แล้วก้อกาแฟซอง ช่วยได้เยอะเลย
แล้วไปเก็บกระเป๋าของคณะ 08.00 น. ออกเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิ จากโรงแรมอีกเกือบ ๆ ชั่วโมง ถนนสองเลน คดเคี้ยวไต่ภูเขาขึ้นไป ไม่ชันมาก พอได้อยู่ ไปถึงเห็นคนอยู่เต็มลานกว้างใกล้ที่จอดรถเต็มไปหมด สอบถามได้ความว่าขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน คงต้องเดินขึ้นแต่ตี 1-2 กันเลยล่ะมีแต่วัยรุ่นทั้งนั้น ประมาณภูกระดึกบ้านเราแหละ ครั้นหนึ่งในชีวิตควรจะขึ้นไป ตอนสมัยเรียนลงรถพาคณะไปร้านค้าที่มีห้องน้ำ เป็นทางเข้าไปศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ซึ่งถ้าจะดูวิวภูเขาไฟ ต้องเข้าไปถ่ายจากในศาลเจ้า โอพระแม่เจ้า ฟูจิทำไมมันสวยยังงี้ (จิตนาการ) ไม่เห็นอะไรเลย ฟ้าปิด มีแต่เมฆหมอก แต่เราดูพยากรณ์อากาศมาก่อนแล้ว ว่าอากาศไม่ดี บอกลูกค้าให้ทำใจแต่เนิ่น ๆ แล้วก้อเป็นอย่างที่ว่า จากนั้นนั่งรถอีก 2 ชั่วโมง ไปโยโกฮาม่า ชมพิพิธภัณฑ์ราเมน ทานราเมนชั้นใต้ดิน ของที่นี่ ลึกไปอีก 2 ชั้น ชอบร้านใหน ดูรูป หยอดเหรียญ เอาคูปองให้ รอคิว แล้วจะได้ทานราเมนแสนอร่อย ชามใหญ่ ๆ น้ำซุปกลมกล่อม
จากร้านเดิน 10 นาที ไปสถานีรถไฟ นั่งซินคังเซ็นเข้าโตเกียว 2 สถานี ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ส่วนรถทัวร์ให้ไปก่อนแล้ว ถึงโตเกียวไปดูงาน แล้วไปช้อปที่ย่านชินจูกุ ย่านนี้น่าช้อปมากร้านเยอะ
ของเยอะ อาหารเย็นเป็นเนื้อโกเบ แต่พี่จรัญบอกว่า ตอนนี้ราคาปรับใหม่ แพงกว่าเดิม หากอยากได้โกเบแท้ๆ ต้องจ่ายเพิ่มอีก อาหารลงเป็นชุด แต่เติมได้ทุกอย่าง รู้สึกคณะจะชอบ อร่อย กินมันส์ดี แต่เราไม่ได้กินอะไรเลย สงสัยจะแพงพี่จรัญอาจแกล้ง ๆ ลืมหรือเปล่า แต่ไม่ว่าไรหรอก พี่เค้าก้อทำงานให้เราเต็มที่บางคนมีเพื่อนพาเที่ยวต่อก้อเชิญ ส่วนที่เหลือกลับโรงแรม Metropolitan Hotel เช็คอินเรียบร้อย ขึ้นห้องสถานการณ์เงียบสงบ แต่ไม่สงัด ดันได้ห้องเป็นเตียงใหญ่ห้องหนึ่ง จัดให้ผู้หญิงนอนสองคน บอกนอนไม่ได้เตียงเล็กไป แต่เราก้อว่างั้นแหละ ตัวใช่เล็ก ๆ กันเลย ให้พี่จรัญเปลี่ยนให้ ผลออกมาห้องเต็ม เสริมเตียง ก้อไม่ได้ เอาวะแก้ปัญหาไปก่อน เปลี่ยนเอาห้องของคนที่ไปเที่ยวกับเพื่อนให้ไปก่อน จะได้มีเวลาคิด เลยมาลงที่อัฟเกรด ห้องเป็นดีลักซ์ 2 คืนจ่ายไป 4600 เยน ไม่แพง รอดไปเรา คนที่ถูกเปลี่ยนก้อโชคดีไปนอนชั้น 21 วิวสวยมาก ๆ เรียบร้อยออกไปหาอะไรกินดีกว่า ได้เค้กร้านอร่อยมาชิ้น เบอร์เกอร์ชิ้น มาทานบนห้อง โชคดีจริง จะกลับเข้าโรงแรมอยู่แล้ว เจอหัวหน้าคณะ ถามว่ามีที่ใหนนั่งดื่มได้บ้าง ใบหน้ายิ้มแย้มตอบว่า มีครับ เดี๋ยวพาไป เมื่อกี่ไปสำรวจมารอบแล้ว พาเดินอยู่รอบ หาร้านได้ เลยขอตัวกลับก่อนถึงห้อง 4 ทุ่มครึ่ง โอ้พระเจ้าอาหารเย็นเราช่างอร่อยเหลือเกิน กำลังอร่อยอยู่มีเสียงโทรศัพท์ดัง อุ้ย งานเข้าอีกแล้วหรือ อ้อเปล่าหรอกพอดีเพื่อนฝากของมาให้เพื่อนเค้าที่นี่ คุยกันพัก สรุปฝากไว้กับโรงแรม มารับเอง ส่วนทางนี้ก้อมีของฝากให้เพื่อนที่เมืองไทยด้วย ไม่ได้เจอกันเลย ฝากผ่านโรงแรมไป ๆ มา ๆ มีเม้าส์
เพื่อนที่เมืองไทยนิดหนึ่ง เธอแบบจะซื้อของถูกนะ ประมาณว่าอันนี้ต้องไปซื้อที่นี่นะ อย่างนั้นอย่างนี้ เราเลยบอกว่า ถูกกว่านะใช้ บวกค่าน้ำมัน ทางด่วน เข้าไปแล้วแพงกว่าเท่าไหร่ ไม่มีอะไร ขำ ๆ นอนดีกว่า

28/8/08 โตเกียว
อาหารเช้าดูดีสุดในบรรดาโรงแรมที่ผ่านมาในทริป วันนี้ออกจากโรงแรม 9 โมง ไปดีงานก่อน
จากนั้นไปวัดอาซากุสะ คุยกับลูกค้าที่เพื่อนไปไปเที่ยวเมื่อคืนก้อคล้าย ๆ กับที่เจอมาเมื่อหลายคืนก่อน คือ
เลือกไม่ได้ ไม่ถูกใจ เสียดายตังค์อะไรประมาณนั้น ฉะนั้นไม่แนะนำ ไปถึงวัดราว ๆ 11 โมงหลังดูงานแล้ว
เหมื่อนวัดอื่นแต่ดูใหญ่กว่า แบบผังคล้าย ๆ กัน ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ถือแบบวัดพุทธ ทางเข้าออกยาว
200 เมตร ร้านค้าเยอะแยะเต็มไปหมด น่าเดินครับแถวนี้ของที่ระลึก ขนมญี่ปุ่น เยอะเยอะไปหมด ทานข้าว
กลางวันแถวนี้แหละ เป็นชุดเทมปุระ ทานได้ บ่ายนั่งเรือล่องแม่น้ำสุมิดะแห่งโตเกียว ต้องนั่งสองทอด ไม่ใช่
เรือแบบคล้ายยานอวกาศ เรือนั้นต้องดูเวลาดี ๆ ไม่งั้นรอหงิกแน่ ๆ เบ็ดเสร็จ ลงเรือ ขึ้นเรือ ต่อเรือ กว่าจะไปถึงพัลเล็ตทาวน์ ใช้เวลาไปร่วม ๆ 2 ชั่วโมง ไปถึงเดิน ๆ ผ่านเซก้ามอลล์ ไปที่เมก้าเวป เป็นที่โชว์รถ
โตโยต้า ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ไปถึงรุ่นอนาคต ดูแล้วเยอะรุ่นจริง น่าจะมากกว่า 30 รุ่น แต่ที่เข้ามาบ้านเรา 4 ปีมารุ่นหนึ่ง ประมาณว่าผ่อนหมดพอดี ค่อยสั่งรุ่นใหม่เข้ามาให้เกิดกิเลส บ้านเราจึงมีแต่รถรุ่นซ้ำ ๆ กัน ไม่หลาก
หลายเหมือนประเทศอื่น คงเป็นเรื่องการตลาดที่สร้างกันมาแบบนี้ ไปนั่งโมโนเรล ไม่มีคนขับ เย็นพอดี เจอ
ฝนด้วย รถติดมาก ๆ กว่าไปถึงร้านอาหารใช้เวลาชั่วโมงกว่า เย็นนี้ทานปูครับ พี่น้อง ราคาชุดละ 6000 เยน ไม่มีเติมด้วย แต่ปูเค้าอร่อยดี กลับโรงแรม วันนี้นิ่งกันหมด งอม ทั้งสองฝ่าย

29/8/08 โตเกียว
วันนี้กลับแล้ว หลังอาหารเช้า เช็คเอ้า ออกเดินทาง ไปวัดเมจิ ซึ่งเป็นวัดหลวง ทางเข้าวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จากที่จอดรถ เดินสัก 200 เมตร แบบวัดไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ออกจากวัด ไปย่านฮาราจูกุ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆกัน ย่านวัยรุ่นชื่อดังอีกย่านหนึ่ง ให้ช้อปถึงบ่ายโมง แล้วไปสนามบินนาริตะ จากเมืองไปราว
1.45 นาที ใกลทีเดียวสำหรับ สนามบินนี้ 70 กม. ไปเช็คอินที่เคาร์เตอร์ J สำหรับกรุ๊ป เสร็จแล้ว ผ่านเอ็กซเรย์ ตรวจหนังสือเดินทาง เป็นอันเรียบร้อย มีของขายเยอะพอควร แต่พวกแบรนด์ ผมว่าค่อยข้างแพงนะ ถ้าเทียบกับที่อื่น จัดการซื้อขนมสวย ๆ น่าอร่อย ฝากบ้านส่วน น้อง ๆ ที่ทำงานส่วน หมดไป 10000 เยน
ถึงกรุงเทพ 21.30 โดยสวัสดิภาพ
พบกันใหม่ ซิดนีย์ - แคนเบอนร์ร่า 5-9/9/08

ป.ล. ไม่ได้เขียนในเชิงข้อมูล ซึ่งปัจจุบันมีหนังสือมากมายน่าอ่านนำเสนอแล้ว

1 ความคิดเห็น:

ooOhhoo กล่าวว่า...

นี่เธอ...แอบเม้าท์ดิชั้นกันด้วยหรอยะ...
เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย...555...:)

อืมม...เข้ามาอ่านแล้วก้อคอมเม้นท์ซะนิดนุงนะจ๊ะ
เขียนได้น่าติดตาม สนุกดี จำเก่งจริงๆเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอะไรอยู่ตรงไหนเนี่ย...

คติที่ว่า "เสียส่วนน้อย ได้ดูส่วนใหญ่ สบายใจ"
โห...ช่างคิดไปได้นิ เห็นภาพเลย(ว่ะ)ค่ะ
แต่ก้อนะ...ใครบางคนก้อไปไม่ถึงญี่ปุ่นเนอะ
& น่าเสียดายที่เห็นฟูจิซัง เราว่าคลาสสิคดีมากๆ

ขอบคุณมากมายอีกครั้งนะจ๊ะ
มีไปที่นี่อีกต้องบอกกันล่ะ

รออ่านทริปต่อไป เดินทางปลอดภัยเน้อ....