วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวเกาะซิซิลี Sicily อิตาลี

          เจาะอิตาลีใต้ ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปกันเท่าไหร่ คราวนี้ไปตรงกับช่วงสงกรานต์ เสียดายมากอากาศไม่ดีตลอดทริปเลย ฝนตกเกือบทุกวัน แดดแทบจะไม่เห็นเลย
          ก่อนหน้านี้มาโรมตรงกับ ช่วงที่หิมะตกหนักที่อิตาลี เมื่อปลายกุมภาที่ผ่านมา ในรอบ 15 ปี โอ้แม่เจ้า มันช่างเลวร้ายมากกับประเทศที่ไม่ค่อยเจอหิมะตก เครื่องไม้ เครื่องมือไม่มีพอที่จะเก็บกวาดหิมะออกจากถนน เราขึ้นมาจากซอแรนโต้ ตอนเช้า เที่ยงๆก็ควรจะถึงโรมพอเลยนาโปลีมาหน่อย ทางด่วนปิด ตอนแรกคิดว่าปิดแค่ช่วงเดียว ที่ใหนได้ปิดยาวเลย เที่ยงแล้วยังไปไม่ถึงใหนเลย ต้องหาขนมปังรองท้องแถวกาแฟร้านริมทาง ก็ยังสนุกสนานกันดีอยู่ เพราะมีหิมะเยอะ ดูสวยแปลกตา สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้เจอ แต่กับคนทำงานจะเริ่มรู้ชะตาแล้วว่า หิมะตกเมื่อไหร่ เวลาก็จะควบคุมไม่ได้ และก้อเป็นเช่นนั้น รถทุกคันถูกบังคับให้ใช้ถนนสายรองกันหมด รวมถึงรถบรรทุกด้วย ส่วนใหญ่จอดกันริมถนนนั้นแหละ คงไม่กล้าวิ่งเหมือนกัน รถก็ติดนะซิ ไปได้ทีละนิด จากเที่ยงไปบ่ายจนเย็นก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลย จนมืด ต้องให้โรงแรมแถวนั้นทำอาหารให้ทานกันก่อน เจอพลาสต้าผัดซอสมะเขือเทศห่วยๆ ในราคาคนล่ะ 15 ยูโร โหดซะไม่มี แต่ก็ยังได้ตั้งหลักกันที่นี่ มีห้องน้ำให้ใช้ จนประมาณตีหนึ่งได้รับแจ้งจากตำรวจแถวนั้นว่า ทางด่วนเปิดแล้ว  เริ่มมีความหวังกันแล้ว แต่ก็ทำความเร็วได้ไม่มาก ไปถึงโรมตีสี่กว่า กว่าจะได้นอนเกือบเช้าแล้ว ใหนยังต้องเที่ยวในโรมอีก เฮ้อ...
          มาไปเที่ยวซิซิลีกันต่อ ลงเครื่องมาตอนเช้าที่สนามบินฟุยมิชิโน พร้อมแล้วเราล่องใต้กันเลย ไปถึงปอมเปอิ เที่ยงพอดี ทานอาหารแล้วเข้าไปชมเมืองโบราณที่ถูกเถ้าภูเขาไฟกลบไว้อย่างดี เพิ่งปรากฏโฉมให้เห็นจากการขุดค้นของนักโบราณคดี เมื่อร้อยกว่าปีก่อนนี้เอง ทำให้ทราบว่ายุดโรมันเมื่อเกือบสองพันปีก่อน อยู่กันยังไง
          หลังอาหารเย็น เราเตรียมลงเรือเพื่อจะข้ามไปเกาะซิซิลี เรือมีชื่อว่า Snav Lazio เป็นเรือเฟอร์รี่ สามารถนำรถเข้ามาจอดในเรือได้ ก่อนจะลงเรือต้องลงไปแลกตั๋วเรือในออฟฟิต ตรงท่าเรือ หลังจากได้ตั๋วแล้ว เอารถทัวร์ไปจอดตรงใกล้ๆ ท้ายเรือ ขึ้นเรือทางเดียวกับที่รถเข้าไปจอดในเรือ ไม่มีท่าเทียบเรืออย่างเรือสำราญอื่นๆ ลำบากก็ตอนนี้แหละ ทุกคนต้องลากกระเป๋าของตัวเองเข้าไปในเรือ ก่อนจะถึงลิฟต์ต้องลากขึ้นไปชั้นหนึ่งก่อน ลำบากตรงพื้นเค้าเป็นเหล็กแต่ทำเป็นแบบตีนตะขาบกันลื่น ตีนไม่ใช่แบบเล็กๆ ตอนลากกระเป๋านอกจากขึ้นเนินแล้ว ยังต้องออกแรงลากผ่านเจ้าตีนนี้ีอีก เล่นเอาทุลักทุเล
พอควรเลย เราพักกันที่ชั้นแปด เลยให้ขึ้นลิฟต์ไปรอกันยังชั้นนั้น ส่วนเราต้องไปเอาตั๋วเปลี่ยนเป็นกุญแจห้องที่ชั้นเจ็ด แล้วมาแจกให้กับทุกห้อง ในเรือคงจะบอกว่าแทบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลย
มีบาร์แห่งเดียวเครืองดื่มราคาไม่แพงเลย กับร้านขายของเล็กๆ ไม่มีไรน่าสนใจ สรุปบนเรือไว้ให้นอน
อย่างเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่เรือบอกว่า คืนนี้จะมีคลื่น คิดว่าคงไม่เท่าไหร่เพราะเรือลำใหญ่อยู่แล้ว
ส่วนห้องพักมีเหมือนเรือทั่วไป แบบเห็นวิว หรือไม่เห็นก็มี พร้อมห้องน้ำ ไม่มีทีวี ไม่มีโทรศัพท์
เรือออกจากเมืองท่าเนเปิ้ลตอนสองทุ่ม ไปถึงเมืองปาร์แลร์โม ตอนแปดโมงเช้า
          ตกดึกเรือโคลงอย่างแรงเลย คลื่นไม่ใช่น้อยเลย นึกในใจห้องอื่นๆ ท่าทางจะแย่ แต่เราหลับได้
เป็นปกติ เว้นแต่ประตูห้องน้ำในเรือมันจะคอยเปิดปิดตามกระแสคลื่น นอนทนอยู่นานเหมือนกันขี้เกียจลุก สุดท้ายก็ทนไม่ได้ เอากระเป๋าไปวางขวางไว้อีกที 
          ตอนเช้าตื่นมาดูห้องอาหารเช้าหน่อย เรือยังเอียงไม่หยุดสักที เดินแล้ว ก็มึนไปด้วย อาหารเช้า
ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มี 2 แบบ ขนมปัง กาแฟ ราคา 5 ยูโร แบบอังกฤษ มีไข่คนกับเบคอนเพิ่มมาหน่อย 10 ยูโร สภาพแต่ละคนที่ลงมา อาการซึมๆกันหมด เมาคลื่นกันนะซิ บ้างก็พอไหว เรือจะถึงเมืองหลวงของ
เกาะซิซิลี ปาร์แลร์โม Palermo ตอนแแปดโมงเช้า แต่เนื่องจากคลื่นแรง เลยถึงช้ากว่าเดิม ไปถึง 9 โมง ต้องให้รถที่มาจอดในเรือออกให้หมดก่อน แล้วถึงจะให้คนลง เบ็ดเสร็จ 10 โมงถึงจะได้ลง ตอนลง
ก็เหมือนเดิมกดลิฟต์ลงไปชั้นล่างแล้วลากกระเป๋าลงทางเดิมผ่านตีนตะขาบ เราก็จะเห็นรถรออยู่ทางด้านขวามือ

             เกาะซิซิลี มีพื้นที่ทั้งหมด 25,711 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่ปลายสุดคาบสมุทรอิตาลี โดยมีช่องแคบเมสซิน่าคั้น ห่างจะแผ่นดินใหญ่ของอิตาลีเพียง
3 กิโลเมตรเท่านั้นเอง มีรูปร่างเหมือนสามเหลี่ยม และมีภูเขาไฟแอตน่าสูงที่สุด 3320 เมตร จะรู้จักว่าเป็นถิ่นกำเนิดของมาเฟีย  ประชากรทั้งเกาะ 5 ล้าน 5 หมื่นคน เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากจึงเป็นที่หมายปองของเมืองต่างๆ ตั้งแต่ กรีก โรมัน เยอรมันเผ่าแวนดัลเข้ามายึดครองหลังจากโรมันล่มสลายไปแล้ว เมื่อปี ค.ศ.440 จากนั้น ศ.ต.6 อาณาจักรไบเซนไทน์ ต่อด้วยอาหรับ ปี 965-1072 นอร์มังเข้ามาใน ปี1068-1194 ตามคำสั่งของพระสันตปาปาในยุดนั้น ต่อมาโรเจอร์ที่ 2 ก็กลายมาเป็นกษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรซิซิลี ให้หลังจากนั้นอีกร้อยปี สายการปกครองก็สิ้นสุดลง ซิซิลีตกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เฮนรี่ 6 ของราชวงศ์โฮเฮนสเตาเฟน ของเยอรมัน โดยการแต่งงาน ปี 1266 โป๊ป ได้แต่งตั้งให้เจ้าชายชาร์ล แห่งอองจู ฝรั่งเศส เป็นกษัตริย์ของซิซิลีและเนเปิ้ล ปี 1409 ตกเป็นของอารากอนแห่งสเปน ปี 1713 ด้วยสนธิสัญญา Utrecht ซิซิลีตกเป็นของราชวงศ์ซาวอย ก่อนที่จะแลกเกาะซาดิเนียกับออสเตรีย และตกเป็นของราชวงศ์บูรบอง สายสเปน จนปี 1866 จึงรวมเป็นชาติอิตาลี

           จากที่เรือล่าช้า ทำให้เราต้องรีบเที่ยวกันเลย เพราะไม่ได้พักที่เมืองนี้ เริ่มจาก Cappella Palatina หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า Palatine Chapel เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่ในวังเก่า Palazzo dei Normanni (Palace of the Normans) เป็นอาคารที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอาหรับ-นอร์มัง สร้างในสมัยของ Roger 2 ปี 1130-1140 ภายในโบสถ์สวยงามด้วยโมเสดสีทอง
แบบนอร์มัง-ไบเซนไทน์

เนื่องจากโบสถ์ค่อนข้างเล็ก เจ้าหน้าที่จึงต้องปล่อยให้เข้าชมทีละชุด รอคิวเกือบ 45 นาที ราคาค่าเข้าชม 8.5 ยูโร แต่สวยมากคุ้มค่าตั๋วและเวลาที่รอคิว


ลวดลายแบบอาหรับ



         จากนั้นเราไปชมมหาวิหารแห่งปาร์แลโม รวมสถาปัตยกรรมเกือบทุกยุดในยุโรปเข้าด้วยกัน เคยเปลี่ยนเป็นสุเหร่าเมื่อช่วงที่อาหรับเข้ามายึดครอง แล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นโบสถ์ ที่นี่ชมฟรีครับ ไม่เสียตังค์ ช่วงบ่ายให้อิสระช้อปปิ้งกัน ร้านใหญ่ๆยังคงเปิด แต่ถ้าร้านเล็กๆ ถึงกลางจะปิดพักกลางวันตั้งแต่
บ่ายโมงครึ่ง ถึง สี่โมงเย็น บ่ายนี้นั่งรถอีก 260 กม. ไปเมือง ทาร์โอมิน่า Taormina

         ทาร์โอมิน่า เป็นเมืองพักตากอากาศ ตั้งแต่สมัยกรีกแล้ว ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมืองตั้ง
อยู่บนภูเขาชื่อว่า เทาร์โร Monte Tauro สูง 210 เมตร จึงทำให้เมืองนี้สามารถเห็นวิวทะเลได้กว้างไกลเลย รวมถึงภูเขาไฟแอตน่าด้วย เมืองนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของนักเดินทางเมื่อกวีชาวเยอรมัน เกอร์เธ่ ได้เขียนเรื่องราวการเดินทางในอิตาลี ในปี 1787 จากนั้นเริ่มมีผู้คนเดินทางมามากขึ้น ทั้งนักคิด นักเขียน นักดนตรีชื่อดังในยุคนั้น ปี 1874 โรงแรมแห่งแรกจึงเกิดขึ้นที่นี่ เมืองเริ่มเป็นจุดหมายปลายทางชื่อดังทันที ด้วยความที่มีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ โบราณสถานและเมืองเก่า 
         เราพักกันที่โรงแรม Villa Esperta เชิงเขาด้านล่างของเมือง ใกล้ทะเลแต่ไม่ติด เนื่องจากการพัก
ในเมืองคงลำบากเรื่องสัมภาระต่าง ๆ ตามประสาเมืองเก่าในอิตาลี โรงแรมน่ารัก หากได้ห้องซีวิวจะดีมาก การมาเมืองนี้ด้วยรถโค้ช จะมีปัญหาในเรื่องของการต้องซื้อค่าเข้าเมือง Check point สำหรับทุก
เมืองท่องเที่ยวในอิตาลี จะถูกแพงก็แล้วแต่เมือง สำหรับที่นี่ วันละ 100 ยูโร แต่รถก็ไม่สามารถเข้าไป
ใกล้เมืองมากนัก จะมีสองจุดของเมืองที่รถทัวร์สามารถรับส่งได้ แต่นั่นคือต้องซื้อเปอร์มิตแล้วก่อน
จุดแรกคือจุดจอด Lumbi แล้วนั่งรถรับ-ส่ง มาที่ประตูเมือง Porta Messina อีกที่คือ จุดจอด Porta Catania อันนี้จะเป็นอาคารจอดรถเลย มีลิตฟ์อยู่ตรงกลาง ๆ ขึ้นไปชั้น 7 เราก็จะถึงพื้นระดับเดียวกับ
เมือง ฉะนั้นเมืองนี้มีประตูเมืองสองด้านด้วยกัน โดยมีถนนสายหลัก ปลอดยานยนต์และเป็นถนนช้อปปิ้ง ด้วยคือถนน Corso Umberto 1 ยาวสัก 5-600 เมตร ได้
         เย็นนี้อาหารค่ำอยู่ในเมืองเก่าซะด้วย เราตัดสินใจพาขึ้นอีกวิธีหนึ่ง นั่งคือนั่งกระเช้าขึ้นไป จากที่พักไปที่สถานีกระเช้าแค่สามร้อยเมตร ราคาค่ากระเช้า 2 ยูโร ต่อคน แต่ปัญหาคือปิดสองทุ่ม ช่วงหน้านี้ ยังไม่ถึงฤดูท่องเที่ยวเค้านี่ เลยปิดเร็ว ดูจากเวลาบวกคุณลูกค้าแล้ว ไม่ทันแน่ๆ คงต้องเป็นรถแล้วล่ะ
ทานข้าวเสร็จสองทุ่มกว่าๆแล้ว กระเช้าปิดแล้ว โดนค่าเหมารถกลับโรงแรมไป 90 ยูโร สบายใจ

         วันนี้เราจะไปเที่ยวภูเขาไฟแอตน่า ก่อนหน้านี้ก็ได้ข่าวว่ามีการประทุขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่มีอันตรายอะไร จัดเป็นภูเขาไฟที่พร้อมจะประทุได้ทุกเมื่อ อันตรายที่สุดในยุโรปเลย เช้านี้อากาศดูเหมือน
จะดี เราใช้รถบัสไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ที่ระดับเกือบสองพันเมตร ระหว่างทางจะเห็นดินสีดำๆ จากลาวาของภูเขาไฟ ยิ่งสูงขึ้นต้นไม้ยิ่งไม่ค่อยมี ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่งจึงไปถึงยังจุดจอดรถ อากาศ
บนนี้เย็นมาก ลมแรงด้วย จากนั้นเราจะต่อด้วยกระเช้าขึ้นไปอีก 15 นาที แล้วนั่งรถ 4x4 ขึ้นไปอีก แต่อากาศข้างบนปิด กระเช้าไม่ทำงาน อดเลย ให้เดินเล่นแถวนั้น มีร้านค้าอยู่รอบ ๆ ลานจอดรถ แล้วไปจอดชมวิวอีกที่ ใกล้ๆ กัน สามารถเดินขึ้นไปบนเนินลาวาได้ แต่ลมแรงมาก ๆ ระหว่างกำลังจะลงไปอยู่แล้ว มีใครบางคนตาดี ยกเว้นผม เห็นกระเช้ากำลังวิ่ง เลยต้องเปลี่ยนใจไปดูอีกรอบ ปรากฏว่าแค่ทดลองวิ่งเฉย อีกสักครึ่งชั่วโมงถึงจะรู้ว่า ไปได้หรือเปล่า ทุกคนสมัครใจขอรอ แต่ข้าวกลางวันของเรา
อยู่ที่ทาร์โอมิน่าโน้นแหละ ตกลงได้ขึ้นกันหมด แต่รถ 4x4 ข้างบนไม่ทำงาน ขึ้นไปถึงหิมะเยอะแยะ
ไปหมด แต่หมอกก็เยอะด้วย ลมแรง ได้ถ่ายรูปกันพอเพลิน ๆ แต่ไม่เห็นอะไรมากไปกว่านั้น ระหว่างนั้น
เราก็คุยกับร้านอาหารขอทานตอน 4 โมงเย็น จนร้านเค้ายอมรอ ใจดีจริง ๆ


 แผนที่ข้างบน หากเราขึ้นกระเช้าจะอยู่ที่ 2,500 เมตร ต่อรถขึ้นไปอีกได้ถึง 2,920 เมตร


          
         เรากลับไปถึงเมือง 4 โมงเย็นตามคาด หลังอาหารกลางบ่ายไปแล้ว ก็เดินชมเมือง ช้อปปิ้ง

           ถนนสายหลักของเมือง Corso Umberto 1

ลานหน้า Piazza Duomo

สถานที่ท่องเที่ยวเด่นที่สุดของเมืองคือ Greek-Roman theaterค่าเข้าชม 8 ยูโร




นอกจากได้ชมโบราณสถานแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุด




ไม่มีความคิดเห็น: