วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เวนิสโรแมนติกเสมอ มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน


วันนี้ยังต้องออกแต่เช้าเหมือนเดิมจากฟลอเรนซ์มุ่งไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามเทือกเขาอะเพนไนน์ สู่ที่ราบอัน
กว้างใหญ่ของภาคเหนืออิตาลี อันเปรียบเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศก็ว่าได้ ข้ามเขาไปผ่านเมืองโบโลยา เฟอร์ราร่า ปาโดวาแล้วก็ถึงเวนิส เราต้องนั่งเรือไปลงที่เกาะแล้วเดินไปทานอาหารกลางวันที่นั่น
น้ำกำลังจะท่วมเกาะเวนิส เคยเห็นจากภาพในช่วงบางเดือนน้ำจะขึ้นสูงจนล้นขึ้นมาบนพื้นดินของเกาะ บางคราวอาจสูงถึง
ระดับเอว ซึ่งเกิดขึ้นทุก ๆ ปี หากไม่มีการวางแผนแก้ปัญหานี้น้ำคงจะท่วมเกาะแน่ ๆ เพราะโลกร้อนขึ้นทุกวัน ๆ อันที่จริงเวนิสไม่เรียกว่าเกาะ ภาษาอังกฤษที่เรียกกันจะใช้คำว่าลากูน เหมือนกับเป็นสันดอนที่เกิดจากการทับถมของดินตะกอนปากแม่น้ำ จนเมื่อ 1200 ปีก่อนเิริ่มจากหลบภัยจากสงครามแบบชั่วคราว เมื่อเหตุการณ์ปกติก็กลับมา จนหลายครั้งเข้าขี้เกียจย้ายไปย้ายมา ก็อยู่กันที่นี่ซะเลยจนกลายเป็นเมืองท่าค้าขาย เจริญสุด ๆ ช่วงสงครามครูเสด เป็นที่ ๆ นักรบครูเสดมาลงเรือกันที่นี่
หลังอาหารเริ่มจากชมสะพานเรียลโต้ สะพานเก่าแก่ที่สุดที่ข้ามคลองใหญ่ และเป็นศูนย์กลางการค้าขายสมัยก่อน ต่อด้วย
จัตุรัสซานมาโก อันเป็นหัวใจของเวนิส สมัยนโปเลียนมาที่นี่เคยบอกว่า จัตุรัสนี้เหมือนห้องนั่งวาดรูปของยุโรป มีวิหารเซนต์มาร์ค หอระฆัง วังเจ้าเมือง ร้านค้า ร้านกาแฟ อยู่รอบ ๆ นักท่องเที่ยวแน่นตลอดทั้งวัน แต่ห้องน้ำสาธารณะที่เวนิสราคามหาโหดทีเดียวจากเดิม 1 ยูโร มาปีนี้ 1.5 ยูโร แนะนำไปร้านกาแฟที่มีห้องน้ำดีกว่า อยากมานอนที่นี่สัก 3 คืนจังรู้สึกว่ามีอะไรอีกมากมายที่นี่รอการมาเยือนของผู้คน

จัตุรัสซานมาโก้


หอระฆัง มีค่าวิว 4 ยูโร

วัง Dodge วังของเจ้าเมืองเวนิส ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์

กอนโดร่า

ได้เวลานำคณะกลับถึงฝั่งตอนห้าโมงเย็น ความจริงอยากให้อยู่นานกว่านี้แต่ตารางเรือไม่สามารถขยับให้ใด้จึงต้องกลับ
ตามเวลาที่จองไว้ เวลาเหลือนิดหน่อย เราเลยลองถามคนขับรถว่าไปใหนดี เค้าก็แนะนำว่าไปร้านขายเครื่องหนังไหม
ไกลหรือเปล่า เราถาม 15 นาที โอเคลองดู จริง ๆ ร้านนี้เรารู้แหละอยู่ใหน ไม่ได้เสียเวลาอะไรมาก แต่พี่แกเล่นขับไปใหน
ก็ไม่รู้ เราเลยบอกว่าไม่ต้องไปแล้ว ไปร้านอาหารเลย เบ็ดเสร็จเสียเวลาไป 1 ชั่วโมง เซ็งเป็ดเลย ไม่อยากให้ลูกค้าเห็นว่า
เราไม่มืออาชีพพอ แต่หลายคนก็เข้าใจน่ะ หลังอาหาร วนหาโรงแรมอีกสักพัก ขนาดมีจีพีเอส ยังไปแบบถูก ๆ ผิด ๆ ดีน่ะ
ไม่ได้ร่วมงานกันแต่วันแรก

วันนี้เดินทางเข้ามิลาน ทานอาหารเที่ยงที่นั่น แล้วขึ้นไปพรมแดนประเทศสวิส ที่ Foxtown outlet ให้ช้อปปิ้งกัน หลายคน
ได้ของจากที่นี่กันหลายชิ้น เราอยากได้รองเท้ากอล์ฟของบอลลี่ แต่ไม่มีขาย กลับเข้ามามิลานถึง มหาวิหาร Duomo มืด
พอดี เกือบ ๆ ทุ่ม ว่างจากถ่ายรูปให้ลูกค้าเลยโทรไปร้านอาหารที่เดิมต้องกินตอน 1 ทุ่ม ขอเลื่อนเป็นสัก 2 ทุ่ม ร้านบอกไม่ได้เต็มยาวถึง 4-5 ทุ่ม งานเข้าแล้วไงตู โทรหาเอเย่นต์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ร้านบอกว่าใส่กล่องไปส่งให้ที่โรงแรมเอาไหม บ้าเหรอมื้อจบของทัวร์นี่แล้วขืนทำแบบนั้นคะแนนนิยมก็พังดิ เราพาลูกค้าเข้าโรงแรมก่อน แล้วอธิบายให้ทราบปัญหา เอาของไปเก็บแล้วไปทานร้านใหม่กัน ได้ร้านจีนเหมือนกันแต่ต้องจ่ายเงินไปก่อน อุตส่าห์วางแผนดีแล้วน่ะ เพราะร้านอาหารเดิมห่างจากโรงแรมแค่ ไม่ถึง 200 เมตร ถ้ากินก่อนรถหมดเวลาก็ไม่ได้เที่ยวโบสถ์ ก้อมีปัญหาอีก กลับมาฟ้องร้องกันให้วุ่นวาย สรุปว่าแก้ปัญหาไปได้ด้วยดี แต่บริษัทที่กรุงเทพจะเข้าใจขนาดใหน กับค่าอาหารที่จ่ายไป หลังทานอาหารเสร็จ เดินไปดูให้เห็นกะตาหน่อยว่าแน่นขนาดนั้นจริงเหรอ จริงแฮะมันไม่ได้โกหกเราคนมันเต็มร้านเลย ปัญหานี้ไม่เคยเจอมาก่อนปกติโทรเลื่อนเวลาได้ไม่เคยมีปัญหา ..เกือบตกม้าตายตอนจบแล้วสิ ขอบคุณพระเจ้า..

ตอนนี้บูรณะเสร็จสมบูรณ์ สวยมาก ๆ

แกลอเรียวิกเตอร์

เช้านี้เดินทางกลับแล้ว ไม่ได้ไปเที่ยวที่ใหนรอตอน 10 โมงรถมารับไปสนามบิน ถึงกรุงเทพ 6 โมงเช้าของวันใหม่