วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

Tallinn เมืองหลวงประเทศเอสโตเนีย

จากริก้าถึงทาลลินน์ ระยะทาง 300 กิโลเมตร เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศนี้อยู่ในประชาคมร่วมยุโรป EU จึงไม่ต้องมีการตรวจเอกสารผ่านแดนใด ๆ ระหว่างทางแวะเข้าห้องน้ำในสถานีบริการน้ำมัน แต่มักจะมีแค่
ห้องเดียว จึงใช้เวลาจอดแต่ล่ะครั้ง อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง ไปถึงเที่ยงเศษ ๆ ทานอาหารในเมืองเก่า
แล้วเดินชมเมือง
มีประชากร 4 แสนคนเศษ เมืองเก่ามีอายุ 700 ปี เป็นเมืองหลวงในกลุ่มบอลติกที่ สร้างบนเนินเขา ไล่ลงมาจนถึงพื้นราบ ยังมีกำแพงเมืองเก่าและหอคอยค่อนข้างจะมากกว่าอีก 2 เมืองหลวง ติดทะเลบอลติก
ส่วนของเมืองเก่าแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Vanalinn old town และ Toompea Loss บนเนินเขา
เริ่มจาก ทูมพี เป็นเนินเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 48 เมตร เป็นที่ตั้งของปราสาทและป้อมปราการ อันเป็น
ที่พักของเจ้าเมือง และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเมือง เขตนี้เป็นที่พักอาศัยของขุนนางและคนที่มีฐานะดี ปัจจุบันปราสาททูมพี เป็นที่ตั้งของรัฐสภาของประเทศ โบสถ์ประจำเมือง สถานทูต ที่ทำงาน
นายกรัฐมนตรี และอื่น ๆ
The Orthodox Aleksander Navski โบสถ์นิกายรัสเซี่ยนออร์โธด๊อกซ์ สร้าง 1894-1900 ประกอบด้วยโดม
หัวหอม 5 โดม เด่นสง่า และโมเสกทองด้านหน้าอันงดงาม โดยช่างหลวงจาก St. Petersburg  ชื่อของโบสถ์มาจาก Alexander Nevsky ซึ่งเป็น Price of Novgorod ชนะสวีเดนในสงคราม Neva ปี 1240 และสงครามอัศวินติวเตอร์นิค ที่ทะเลสาบ Peipsi



ด้านในแท่นบูชาสวยงาม เน้นสีทองอลังการ เนื่องจากงดถ่ายภาพภายในจึงไม่มีรูปให้ชมกัน เท่าที่สังเกตุนิกายนี้ ทำพิธีด้วยการยื่น ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง ต่างจากโบสถ์ทั่วไป ตอนทำพิธีผู้หญิงจะมีผ้าคลุมที่ศรีษะ

จากโบสถ์เราเดินต่อไปอีกราว 50 เมตร ก็ถึงอีกโบสถ์ ชื่อว่า  Toomkirik (St.Mary Cathedral) เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งประเทศเอสโตเนีย อุทิศแด่พระแม่มารี ตัวโบสถ์เริ่มจากการสร้างด้วยไม้ก่อนในยุคที่
เดนมาร์กปกครองที่นี่ในปี 1219 ช่วงกลาง ศ.ต.ที่ 15 จึงก่อสร้างด้วยหินภายในโบสถ์มีโลงหินตั้งอยู่รอบ ๆ มีตั้งแต่ ศ.ต.13-18 มักจะเป็นของบุคคลที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน และมีตราประจำตระกูลของคนร่ำรวย
แขวนตามผนัง และหลุมฝังศพตามพื้นซึ่งไม่ถือกันถ้าจะเหยียบหรือข้ามกัน มีของนาย Otto Johann Thuve แกเป็นนักรัก และเจ้าชู้ ภายหลังสำนึกผิด ก่อนเสียชีวิตได้สั่งให้นำร่างของเขามาฝังไว้ที่ทางเดิน
เข้าโบสถ์ให้คนเหยียบย้ำเป็นการไถ่บาป แต่อีกนัยหนึ่งก็ว่า นายคนนี้จะได้เห็นผู้หญิงทุกคนที่เดินเข้าโบสถ์ก่อน



Dom Church

จากนั้นชมเมืองกันต่อ ออกจากโบสถ์เลี้ยวซ้ายลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ผ่านสถานทูต ที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี ดูเผิน ๆ ไม่เหมือนเท่าไหร่ นึกว่าบ้านพักอาศัย แล้วเราก็มาถึงระเบียงชมวิว
เห็นป้อมปราการเก่า วิวของเมืองเก่าที่อยู่ด้านล่าง จนมองถึงทะเลบอลติกได้

จุดชมวิวจะมี 2 ที่ด้วยกันในเส้นทางที่เดินผ่าน เราจะเดินลงเนินไป All Linn (Lower Town) จะมี 2 ทางให้เลือกเดิน เรียกว่า short leg กะ long leg เดินมาแล้วทั้ง 2 ทาง ถ้าสั้นก็จะชันหน่อยขึ้นบันได ทางยาวจะเดินสบายแต่ไกลกว่า เราเดินลงมาถึง Town Hall Square อันเป็นศูนย์กลางของเมืองเลยก็ว่าได้ มีร้านอาหาร ร้านค้า รายรอบจัตุรัสแห่งนี้ และร้านขายยาเก่าแก่โบราณที่สุดขอยุโรปตั้งแต่ปี 1422

                                                                        Town Hall

ร้านขายยาปัจจุบันยังเปิดบริการตามปกติ และยังเปิดเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ด้วย

                                                               บ้านเก่า สวย


ทางเดินเรียกว่า St Catherine's Passage

ร้านอาหารได้บรรยากาศเก่า ๆ ดี

                                                          ร้านขายเสื้อ กำแพงเมืองเก่า
                           ประตูเมือง Viru Gate และถนนช้อปปิ้ง ถ่ายจาก Viru Hill สวนเล็ก ๆ  อยู่หน้าประตูนี้มีงานหินแกะสลักรูป The Kiss

                                                       ร้่านขายดอกไม้

โดยทั่วไปเมืองก็น่ารักดี อาคารเก่า ๆ มีสไตล์ดี  ออกไปชมนอกเมืองกันบ้างดีกว่า นั่งรถไปสัก 20 นาที
ก็ถึงย่านตากอากาศของที่นี่เรียกว่า Kadriorg Park โด่งดังมาตั้งแต่ช่วง ศ.ต. 18-19 เป็นแหล่งรีสอร์ท ร้านกาแฟ ที่เล่นน้ำ บ้านพักของประธาธิบดีก็อยู่ที่นี่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ

Russalka สร้างปี 1902 สูง 16 เมตร เป็นที่ระลึกให้กับเรือรบ รัสเซียชื่อ Russalka
ได้จมลงในอ่าวฟินแลนด์เมื่อ 7 ก.ย.1893 

สวน Kadriorg


                                                         ร่มรื่นน่านอนจริง ๆ

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ริก้า เมืองหลวงประเทศแลตเวีย

ถึงริก้าตอนค่ำพอดี ทานอาหารแล้วเข้าที่พัก ร้านอาหารจีนมีไม่มาก เท่าที่ถามคนในร้านอาหารจีนเค้าว่ามีชาวจีนอยู่ที่นี่ประมาณ 50 คนเท่านั้นเอง รสชาดก็พอได้
มารู้จักกรุงริก้า (Riga) เมืองหลวงของประเทศแลตเวียกันซักหน่อย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำดัวกาว่า (Daugava) ซึ่งไหลลงสู่อ่าวริก้า ทะเลบอลติก ห่างจากทะเลลึกเข้ามาในแผ่นดินไม่กี่กิโลเมตร มีความสำคัญตั้งแต่
ช่วง ศ.ต.14-15 ด้วยเป็นเมืองท่าทางทะเลมีการติดต่อค้าขายกับเมืองทางเหนือของเยอรมัน และเป็นเส้นทางสายอำพันมานับพันปีแล้ว ปัจจุบันถือเป็นศูนย์กลางการลงทุนจากประเทศในแถบยุโรป มีสาขาของธนาคารจากเยอรมันนีและฟินแลนด์ สถานทูตกว่า 30 ประเทศ ยกเว้นประเทศไทยใช้สถานทูตไทยที่สวีเดนดูแลจัดการแทน ประชากร 7 แสนคน อาศัยอยู่ในเมือง เมือปี 2001 ริก้าได้จัดฉลองเมืองอายุครบ 800 ปี
พักที่ริก้า 2 คืน เช้าวันนี้ออกไปเที่ยวนอกเมืองก่อน ไปที่เมือง Bauska ทางใต้ของกรุงริก้า ถนนสายนี้
เป็นถนนสายที่เชื่อมไปถึงเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย ปี 1989 ทั้ง 3 ประเทศกลุ่บอลติก ได้จับมือ
ต่อกันเป็นโซ่มนุษย์ เพื่อเรียกร้องอิสรภาพอย่างสงบ โดยใช้คนจับมือต่อกันถึง 3 คนด้วยกัน จากเมืองหลวง Vilnius Riga Tallinn ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็ไปถึงวัง Rundale เป็นวังสร้างในสถาปัตยกรรมแบบบารอค
เมื่อปี 1730 โดยช่างจากอิตาลี เพื่อเป็นวังฤดูร้อนของ Duke of Courland สมัยนั้นดินแดนแถบนี้เป็นแคว้นอิสระชื่อว่า Courland ของชาวเยอรมัน เมื่อรัสเซียเข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ก็ได้ครอบครองวัง
นี้ต่อมา จากลานจอดรถเราเดินผ่านสวนร่มรื่น และห้องน้ำสีเขียวกลมกลืนกับบรรยากาศ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า ท่ามกลางป่าไม้แถบนี้กลับมีวังอันสวยงามซ่อนอยู่



ปัจจุบันนี้เป็นมิวเซียม ไม่มีผู้ใดพักอาศัยที่นี่แล้ว เราไปชมด้านในกันดีกว่า ถ้าจะถ่ายรูปด้านในต้องจ่าย
ค่าถ่ายรูปนิดหน่อย ภายในพวกเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ มีเหลือไม่มากอาจเพราะผ่านสงครามมาหลายครั้ง


ห้องที่สวยที่สุดมีชื่อว่า Golden hall ใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงรับรองแขกที่มาเยือน


ห้องถัดมาเป็นห้องเต้นรำ หลังจากทานอาหารที่ห้องทองเสร็จแล้ว แขกจะย้ายมาเต้นรำกันที่ห้องนี้
ใช้สีขาวทั้งหมด เพื่อที่จะขับให้ชุดสวย ๆ ที่แต่งให้ดูเด่นมากขึ้น รอบ ๆ ห้องจะมีงานปูนปั้น สวยงาม
สื่อความหมายถึง ธาตุทั้ง 4 และ ฤดูกาลทั้ง 4


รูปเด็นน้อยกำลังเก็บองุ่น หมายถึงฤดูใบไม้ร่วง

บนเพดานช่วงกลาง นกกำลังทำรัง ถือเป็นงานปั้นที่มีมิติเหมือนจริงเลยทีเดียว

จะมี 2 ห้องใหญ่ที่ดูงามที่สุด ส่วนห้องอื่น ๆ จะเป็นในส่วนห้องพัก ห้องทำงาน ห้องอาหาร ห้องนอน
ส่วนใหญ่จะประดับด้วยภาพเขียนต่าง ๆ ของเจ้าของบ้าน

ห้องนอน

ภาพของ Duke of  Courland Ernst Johann von Biron และครอบครัว

ใช้เวลาชมวังราว ๆ ชั่วโมงเศษ ทานอาหารกลางวันในวังเลย ดูไฮโซเหมือนกัน หลังอาหารเราเดินทาง
กลับกรุงริก้า ชมเมืองหลวงที่ว่ากันว่าเมืองแห่ง Art Nuveau บ้างก็ว่า เป็น Paris of the north
เริ่มจากเมืองเก่า Town hall square มีศาลาว่าการเมือง ที่สำคัญห้องน้ำฟรี แต่ปิดเป็นเวลา ห้องน้ำอีกที่ฟรี
อยู่จัตุรัสถัดไป คล้าย ๆ ลานเบียร์ จะเห็นสีเขียว ๆ นั่นแหละ
บริเวณจัตุรัสทาวน์ฮออล์ เป็นสถานที่กำเนิดต้นคริสต์มาส มา 500 ปีแล้ว ที่นิยมประดับประดาตอน 25 ธันวา ตรงกลางจัตุรัสมีอนุเสาวรีย์ St.Roland แสดงถึงอำนาจของเมืองในสมัยยุคกลางและเป็นนักบุญช่วยคุ้มครองตลาดด้วย อาคาร House of Blackheads จัดเป็นอาคารที่สวยที่สุดในนี้ เป็นที่พบปะของสมาคมพ่อค้าชาวเยอรมันที่ยังโสด และมาอาศัยอยู่ที่ริก้า เมื่อปี 1416 นอกจากนั้นยังมี The Latvian Occupation Museum ตั้งเมื่อปี 1993 แสดงเอกสาร ภาพถ่าย แผนที่ และอื่น ๆ ในช่วงถูกครอบครองโดย
โซเวียด ปี 1940-1991 ยังมีร้านขายของที่ระลึกหลาย ๆ ร้านรอบ ๆ จัตุรัสแห่งนี้ หรือสามารถขอแผนที่
และข้อมูลท่องเที่ยวฟรี ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะหนังสือท่องเที่ยวของเมืองหากซื้อในนี้
จะมีราคาถูกกว่าร้านขายของที่ระลึก


แหล่งกำเนิดต้นคริสต์มาส ตั้งแต่ปี 1510

จากนั้นเราไปชม โบสถ์ Riga Dome ทุกคนจะรู้ว่าถนนทุกสายม่งสู่กรุงโรม แต่ที่ริก้าถนนทุกสายมุ่งสู่ โดม (หมายถึงมหาวิหาร ใช้เรียกเหมือนในเยอรมัน) ด้านหน้าเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ มีอาคารรายล้อมด้วย
ตลาดหุ้น (Stock Exchange) 1852-1855 สถานีวิทยุแลตเวีย Universal Bank of Latvia และมีร้านอาหาร
ร้านกาแฟอีกหลายร้านด้วยกัน
โดม เป็นเป็นโบถ์ประจำตำแหน่งอาร์คบิชอบแห่งแลตเวียน นิกายลูเธอร์รัน เป็นศูนย์การงานศิลป์ตั้งแต่
ศ.ต 13-20 สร้างตั้งแต่เมื่อปี 1211 เป็นโบถ์นิกายลูเธอร์รัน (นิกายของโปรเตสแตนต์)เมื่อ ศ.ต.16

ชมภายในโบสถ์ เสียค่าเข้า 2 แลต ภายในมีออร์แกนลมที่ใหญ่ที่สุด แลผสมผสานศิลปะสถาปัตยกรรม
หลายยุดหลายสมัยเข้าด้วยกัน
โดยภาพรวมภายในนอกจากงานกระจกสีแล้ว อย่างอื่นก็เรียบ ๆ ไม่มีจุดเด่น

ผ่านอาคารที่เรียกว่า Three Brothers เป็นอาคารห้องแถวที่สร้างด้วยหินที่เก่าแก่ ตั้งอยู่ติดกันแต่ต่างยุคกัน เก่าสุด ศต.15 และ 17

Swedish Gate ศ.ต.16 สวีเดนได้ปกครองที่นี่ ทหารของสวีเดนได้พักอาศัยใกล้กับประตูเข้าออกเมือง อัน
เป็นที่มาของชื่อ

ยังคงชมเมืองเก่า ผ่านอาคารสวย ๆ มากมาย ไม่วาจะเป็น Guild Hall, Power Gate, Cat House, The Freedom Monument
Powder Gate หอคอยกำแพงเมืองไว้เก็บดินปืน

Cat House มีแมวบนหลังคา

อนุเสาวรีย์แห่งอิสระภาพ

                                                                     บาร์น่ารักมาก

                                                              St.Peter Church

ส่วนงานสถาปัตยกรรม Art Nuveau ในเมืองเก่ามีน้อย ส่วนใหญ่จะอยู่รอบ ๆ เมืองเก่า ใกล้ ๆ โรงแรม SAS งานอาร์ตนูโว เป็นงานนิยมเมื่อ 100 ปีก่อน ฉะนั้นอาคารเหล่านี้จะจัดว่าค่อนข้างใหม่




เอาล่ะเท่านี้ก่อนสำหรับริก้า ส่วนแหล่งช้อปจะมี ห้าง Galerija Centrs ในเมืองเก่า แถวสถานีรถไฟจะมีห้าง Origo, Stockmann และตลาดกลาง อันนี้ยังไม่ได้เดินไป ของส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบรนด์จะค่อยข้างแพง
แต่ไวน์ดีและถูกกว่าฝั่งยุโรปตะวันตก