วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ริก้า เมืองหลวงประเทศแลตเวีย

ถึงริก้าตอนค่ำพอดี ทานอาหารแล้วเข้าที่พัก ร้านอาหารจีนมีไม่มาก เท่าที่ถามคนในร้านอาหารจีนเค้าว่ามีชาวจีนอยู่ที่นี่ประมาณ 50 คนเท่านั้นเอง รสชาดก็พอได้
มารู้จักกรุงริก้า (Riga) เมืองหลวงของประเทศแลตเวียกันซักหน่อย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำดัวกาว่า (Daugava) ซึ่งไหลลงสู่อ่าวริก้า ทะเลบอลติก ห่างจากทะเลลึกเข้ามาในแผ่นดินไม่กี่กิโลเมตร มีความสำคัญตั้งแต่
ช่วง ศ.ต.14-15 ด้วยเป็นเมืองท่าทางทะเลมีการติดต่อค้าขายกับเมืองทางเหนือของเยอรมัน และเป็นเส้นทางสายอำพันมานับพันปีแล้ว ปัจจุบันถือเป็นศูนย์กลางการลงทุนจากประเทศในแถบยุโรป มีสาขาของธนาคารจากเยอรมันนีและฟินแลนด์ สถานทูตกว่า 30 ประเทศ ยกเว้นประเทศไทยใช้สถานทูตไทยที่สวีเดนดูแลจัดการแทน ประชากร 7 แสนคน อาศัยอยู่ในเมือง เมือปี 2001 ริก้าได้จัดฉลองเมืองอายุครบ 800 ปี
พักที่ริก้า 2 คืน เช้าวันนี้ออกไปเที่ยวนอกเมืองก่อน ไปที่เมือง Bauska ทางใต้ของกรุงริก้า ถนนสายนี้
เป็นถนนสายที่เชื่อมไปถึงเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย ปี 1989 ทั้ง 3 ประเทศกลุ่บอลติก ได้จับมือ
ต่อกันเป็นโซ่มนุษย์ เพื่อเรียกร้องอิสรภาพอย่างสงบ โดยใช้คนจับมือต่อกันถึง 3 คนด้วยกัน จากเมืองหลวง Vilnius Riga Tallinn ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็ไปถึงวัง Rundale เป็นวังสร้างในสถาปัตยกรรมแบบบารอค
เมื่อปี 1730 โดยช่างจากอิตาลี เพื่อเป็นวังฤดูร้อนของ Duke of Courland สมัยนั้นดินแดนแถบนี้เป็นแคว้นอิสระชื่อว่า Courland ของชาวเยอรมัน เมื่อรัสเซียเข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ก็ได้ครอบครองวัง
นี้ต่อมา จากลานจอดรถเราเดินผ่านสวนร่มรื่น และห้องน้ำสีเขียวกลมกลืนกับบรรยากาศ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า ท่ามกลางป่าไม้แถบนี้กลับมีวังอันสวยงามซ่อนอยู่



ปัจจุบันนี้เป็นมิวเซียม ไม่มีผู้ใดพักอาศัยที่นี่แล้ว เราไปชมด้านในกันดีกว่า ถ้าจะถ่ายรูปด้านในต้องจ่าย
ค่าถ่ายรูปนิดหน่อย ภายในพวกเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ มีเหลือไม่มากอาจเพราะผ่านสงครามมาหลายครั้ง


ห้องที่สวยที่สุดมีชื่อว่า Golden hall ใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงรับรองแขกที่มาเยือน


ห้องถัดมาเป็นห้องเต้นรำ หลังจากทานอาหารที่ห้องทองเสร็จแล้ว แขกจะย้ายมาเต้นรำกันที่ห้องนี้
ใช้สีขาวทั้งหมด เพื่อที่จะขับให้ชุดสวย ๆ ที่แต่งให้ดูเด่นมากขึ้น รอบ ๆ ห้องจะมีงานปูนปั้น สวยงาม
สื่อความหมายถึง ธาตุทั้ง 4 และ ฤดูกาลทั้ง 4


รูปเด็นน้อยกำลังเก็บองุ่น หมายถึงฤดูใบไม้ร่วง

บนเพดานช่วงกลาง นกกำลังทำรัง ถือเป็นงานปั้นที่มีมิติเหมือนจริงเลยทีเดียว

จะมี 2 ห้องใหญ่ที่ดูงามที่สุด ส่วนห้องอื่น ๆ จะเป็นในส่วนห้องพัก ห้องทำงาน ห้องอาหาร ห้องนอน
ส่วนใหญ่จะประดับด้วยภาพเขียนต่าง ๆ ของเจ้าของบ้าน

ห้องนอน

ภาพของ Duke of  Courland Ernst Johann von Biron และครอบครัว

ใช้เวลาชมวังราว ๆ ชั่วโมงเศษ ทานอาหารกลางวันในวังเลย ดูไฮโซเหมือนกัน หลังอาหารเราเดินทาง
กลับกรุงริก้า ชมเมืองหลวงที่ว่ากันว่าเมืองแห่ง Art Nuveau บ้างก็ว่า เป็น Paris of the north
เริ่มจากเมืองเก่า Town hall square มีศาลาว่าการเมือง ที่สำคัญห้องน้ำฟรี แต่ปิดเป็นเวลา ห้องน้ำอีกที่ฟรี
อยู่จัตุรัสถัดไป คล้าย ๆ ลานเบียร์ จะเห็นสีเขียว ๆ นั่นแหละ
บริเวณจัตุรัสทาวน์ฮออล์ เป็นสถานที่กำเนิดต้นคริสต์มาส มา 500 ปีแล้ว ที่นิยมประดับประดาตอน 25 ธันวา ตรงกลางจัตุรัสมีอนุเสาวรีย์ St.Roland แสดงถึงอำนาจของเมืองในสมัยยุคกลางและเป็นนักบุญช่วยคุ้มครองตลาดด้วย อาคาร House of Blackheads จัดเป็นอาคารที่สวยที่สุดในนี้ เป็นที่พบปะของสมาคมพ่อค้าชาวเยอรมันที่ยังโสด และมาอาศัยอยู่ที่ริก้า เมื่อปี 1416 นอกจากนั้นยังมี The Latvian Occupation Museum ตั้งเมื่อปี 1993 แสดงเอกสาร ภาพถ่าย แผนที่ และอื่น ๆ ในช่วงถูกครอบครองโดย
โซเวียด ปี 1940-1991 ยังมีร้านขายของที่ระลึกหลาย ๆ ร้านรอบ ๆ จัตุรัสแห่งนี้ หรือสามารถขอแผนที่
และข้อมูลท่องเที่ยวฟรี ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะหนังสือท่องเที่ยวของเมืองหากซื้อในนี้
จะมีราคาถูกกว่าร้านขายของที่ระลึก


แหล่งกำเนิดต้นคริสต์มาส ตั้งแต่ปี 1510

จากนั้นเราไปชม โบสถ์ Riga Dome ทุกคนจะรู้ว่าถนนทุกสายม่งสู่กรุงโรม แต่ที่ริก้าถนนทุกสายมุ่งสู่ โดม (หมายถึงมหาวิหาร ใช้เรียกเหมือนในเยอรมัน) ด้านหน้าเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ มีอาคารรายล้อมด้วย
ตลาดหุ้น (Stock Exchange) 1852-1855 สถานีวิทยุแลตเวีย Universal Bank of Latvia และมีร้านอาหาร
ร้านกาแฟอีกหลายร้านด้วยกัน
โดม เป็นเป็นโบถ์ประจำตำแหน่งอาร์คบิชอบแห่งแลตเวียน นิกายลูเธอร์รัน เป็นศูนย์การงานศิลป์ตั้งแต่
ศ.ต 13-20 สร้างตั้งแต่เมื่อปี 1211 เป็นโบถ์นิกายลูเธอร์รัน (นิกายของโปรเตสแตนต์)เมื่อ ศ.ต.16

ชมภายในโบสถ์ เสียค่าเข้า 2 แลต ภายในมีออร์แกนลมที่ใหญ่ที่สุด แลผสมผสานศิลปะสถาปัตยกรรม
หลายยุดหลายสมัยเข้าด้วยกัน
โดยภาพรวมภายในนอกจากงานกระจกสีแล้ว อย่างอื่นก็เรียบ ๆ ไม่มีจุดเด่น

ผ่านอาคารที่เรียกว่า Three Brothers เป็นอาคารห้องแถวที่สร้างด้วยหินที่เก่าแก่ ตั้งอยู่ติดกันแต่ต่างยุคกัน เก่าสุด ศต.15 และ 17

Swedish Gate ศ.ต.16 สวีเดนได้ปกครองที่นี่ ทหารของสวีเดนได้พักอาศัยใกล้กับประตูเข้าออกเมือง อัน
เป็นที่มาของชื่อ

ยังคงชมเมืองเก่า ผ่านอาคารสวย ๆ มากมาย ไม่วาจะเป็น Guild Hall, Power Gate, Cat House, The Freedom Monument
Powder Gate หอคอยกำแพงเมืองไว้เก็บดินปืน

Cat House มีแมวบนหลังคา

อนุเสาวรีย์แห่งอิสระภาพ

                                                                     บาร์น่ารักมาก

                                                              St.Peter Church

ส่วนงานสถาปัตยกรรม Art Nuveau ในเมืองเก่ามีน้อย ส่วนใหญ่จะอยู่รอบ ๆ เมืองเก่า ใกล้ ๆ โรงแรม SAS งานอาร์ตนูโว เป็นงานนิยมเมื่อ 100 ปีก่อน ฉะนั้นอาคารเหล่านี้จะจัดว่าค่อนข้างใหม่




เอาล่ะเท่านี้ก่อนสำหรับริก้า ส่วนแหล่งช้อปจะมี ห้าง Galerija Centrs ในเมืองเก่า แถวสถานีรถไฟจะมีห้าง Origo, Stockmann และตลาดกลาง อันนี้ยังไม่ได้เดินไป ของส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบรนด์จะค่อยข้างแพง
แต่ไวน์ดีและถูกกว่าฝั่งยุโรปตะวันตก

1 ความคิดเห็น:

ooOhhoo กล่าวว่า...

เป็นประสบการณ์ที่ดีจัง ได้ไปในที่ๆน้อยคนจะได้ไปพบเห็นน่ะ